วันพฤหัสบดีที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2551

เหนือฟ้า ยังมีฟ้า


เหนือฟ้า ยังมีฟ้า


เหนือ ประชาธิปอบ มี ระบอบทักษิณ


เหนือ สุเทพ มี ธนินทร์


เหนือ เนวิน ย่อมมี “..เหลี่ยม”


“มาร์ค” เข้าวิน “..ษิณ” เข้าเป้า แผ่นดินของเรา อยู่ในอันตราย


อย่าปล่อยให้ผู้ร้าย กลืนเมือง

ขอบคุณประชาธิปัตย์ ขอบคุณพันธมิตร




ขอบคุณประชาธิปัตย์ ขอบคุณพันธมิตร


เราคิดแทบตาย ไม่นึกว่าจะง่ายอย่างนี้


ก้าวต่อไปเราจะให้ "ชิโนไทย" และ "เนวิน" ดูแลการกินกทม. และมหาดไทย รอดู







วันศุกร์ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2551

"Win Mark" คู่หู แห่งปี


ในที่สุดก็ลงตัว อย่างนี้แหละ กทม. ไม่ต้องห่วง สุขภาพผู้สมัครไม่สำคัญ ใครๆ ก็สู้ได้หมด หมูในอวย.......................

วันพฤหัสบดีที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2551

สมเกียรติ"หวัง “นายกฯ มาร์ค” ฝ่าข้ามวิกฤต


โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 18 ธันวาคม 2551 05:35 น.

"สมเกียรติ"หวัง “นายกฯ มาร์ค” ฝ่าข้ามวิกฤติ ล้างบางระบอบทักษิณ ยกคำวินิจฉัยยุบทรท.ระบุชัดความเลวร้ายระบอบแม้ว 6 ประการ ตามที่ ปชป.ก็เคยชำแหละไว้แล้วพร้อมเตือนอย่าดูแคลน-ทรยศประชาชน ย้ำวันนี้ยังให้โอกาส ถ้าไม่แก้ไขรัฐธรรมนูญและล้างบางระบอบทักษิณ ก็พร้อมจะจับมือร่วมกันฟันฝ่าสวัสดีครับพี่น้องประชาชนทุกท่าน ผมต้องขอคารวะอย่างสูงต่อพี่น้องประชาชนในประเทศ ต่างประเทศ และในห้องส่งวันนี้พี่น้องได้รับข่าวดีแล้วใช่ไหมครับ ว่าเรามีการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง ฯพณฯ ท่านนายกรัฐมนตรีคนใหม่ คนที่ 27 ของประเทศไทย นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ซึ่งประชาชนแล้วก็สื่อสารมวลชน รวมทั้งกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย หวังว่าประเทศชาติจะมีการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดีขึ้น และประชาชนได้ประโยชน์สมดังที่ท่านพุทธทาสภิกขุ บอกว่า ระบอบประชาธิปไตย ผลประโยชน์ของประชาชนต้องเป็นใหญ่ การที่เราได้รับ
นายกรัฐมนตรีคนใหม่ น่าจะเป็นของขวัญปีใหม่แก่ประชาชนในวันนี้ ผมอยากจะเรียนให้พี่น้องทราบว่า เรามีนายกรัฐมนตรีที่ประชาชนขับไล่มาหลายคนแล้ว นายกรัฐมนตรี คนที่ 23 พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ตั้งแต่ปี 44, 45, 46, 47, 48,49 รวม 6 ปี เราขับไล่มาตลอดเลย แล้วเราก็ได้นายกรัฐมนตรีที่เราไม่ขับไล่ แต่ว่าเป็นนายกรัฐมนตรีที่ไม่มีผลงาน และน่าเบื่อที่สุด คนที่ 24 พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ พอคนที่ 25 เราขับไล่อย่างดุเดือดเผ็ดมัน ปักหลักกัน แล้วเรา
ก็เรียกเขาในนามว่า สุนัขจิ้งจอกหอกหัก จำได้ไหมครับ นายกรัฐมนตรี คนที่ 25 เราขับไล่กันสุดใจเลย พี่น้องประชาชนต้องถูกทำร้ายร่างกายและเข่นฆ่า แต่ยังไม่เสียชีวิต พอมานายกรัฐมนตรี คนที่ 26 สมชาย วงศ์สวัสดิ์ เราเรียกว่า รัฐบาลทรราช ฆาตกรที่เข่นฆ่าประชาชน มีการตายถึง 9 คน แล้วบาดเจ็บอีก 500‐600 คน อันนี้เป็นปัญหาสำคัญที่สุดเราคุ้นเคยกับการขับไล่รัฐบาลมานาน แล้วการเมืองใหม่เกิดขึ้น ผู้คนเรียนรู้ผ่านการชุมนุมประท้วง ผ่าน ASTV ผ่านการจัดตั้งเครือข่ายใหม่ของพวกเขา ที่เรียกว่า พันธมิตรฯ มากกว่า 10 ล้านคน การก่อตัวของการเมืองภาคประชาชนเหล่านี้ จึงทำให้รัฐบาลใหม่ถูกคาดหวังสูง ถูกกดดันสูง แล้วถูกตรวจสอบสูงมาก เพราะฉะนั้นจะทำการเมืองเหมือนเดิมไม่ได้อีกแล้ว เราก็มีความหวัง และให้โอกาส และให้กำลังใจนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี คนที่ 27 ที่จะฟันฝ่าข้ามวิกฤตการณ์นี้ไป ผมไม่ได้หวังอะไรมากกับนายกรัฐมนตรีคนใหม่ หวังแค่ว่า ฝ่าข้ามวิกฤตการณ์ของระบอบทักษิณและกวาดล้างระบอบทักษิณให้สิ้นซาก ส่วนเรื่องอื่นๆ ลดลงมานิดหน่อยก็ได้ แต่ต้องจัดการระบอบทักษิณให้สิ้นซากก่อน
ใช่ไหมครับพี่น้องครับทีนี้เพื่อประกอบการปราศรัยของผม ซึ่งจะเดินสายปราศรัยหลายท้องที่ หลายจังหวัด อยากจะบอกว่า เวลาวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาลใหม่ เราจะต้องพูดว่า เร็วเกินไปที่ผมจะวิจารณ์ เพราะเขายังไม่ได้ทำงานเลย หน้าตาของคณะรัฐมนตรียังไม่เห็นเลย การจะด่วนวิจารณ์เราเห็นว่าจะไม่เกิดความเป็นธรรมแก่เขา แล้วเราไม่ให้โอกาสเขา เอะอะก็วิจารณ์ก่อนเลย ยังไม่เห็นตัวละคร ยังไม่เห็นความมุ่งมั่น ยังไม่เห็นการแถลงนโยบายเลย แต่เราจะมาฟื้นความหลังที่ฯพณฯ ท่านนายกรัฐมนตรีคนใหม่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้เคยกล่าวไว้ในรัฐสภา และเคยต่อสู้ในการยุบพรรคไทยรักไทยมา ผมอยากจะเสนอเอกสารที่เรียกว่า บันทึกประวัติศาสตร์ 2 เล่ม ประกอบการอภิปรายของผม เพราะว่าการอภิปรายของผมต้องระมัดระวัง เพราะว่าเราต้องให้โอกาสพรรคประชาธิปัตย์ เพราะพรรคอื่นเราให้โอกาสพวกมันมานานแล้วใช่ไหมครับ นานแล้ว แล้วเราก็ให้โอกาสทั้งสภาแล้ว ยังเหลือพรรคเดียวที่ยังไม่ได้ให้โอกาสใช่ไหม เพราะฉะนั้นแม้จะเป็นการเมืองเก่าเราต้องทดสอบดูว่า ลองให้โอกาสเขาดู มันเหลือพรรคเดียวทำไงได้พี่น้อง ใช่ไหมครับแต่ว่า ถ้าเราพูดกันแบบอ่อนโยนและเป็นหลักทางพุทธศาสนากตัญญู พูดได้ตรงๆ เลยนะครับ โดยไม่ต้อง หากไม่มี
พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ก็ไม่มีนายกรัฐมนตรีชื่อ อภิสิทธ์ิ เวชชาชีวะ ใช่ไหมครับ แต่ว่า ฯพณฯ ท่านอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อาจจะบอกว่า หากไม่มีใครบางคนที่ จ.บุรีรัมย์ ก็ไม่มีอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เป็นนายกรัฐมนตรี เช่นกันใช่ไหมครับพี่น้อง เพราะฉะนั้นพอพูดว่า หากไม่มีใครบางคนใน จ.บุรีรัมย์ และกลุ่ม ส.ส.ของเขา ก็ไม่มีนายกฯ ที่ชื่ออภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ คนที่ 27 แต่เราก็ไม่อาจจะวิจารณ์เกินนั้นได้ เพราะมันเป็นไฟต์บังคับจริงๆ มันบีบจริงๆ มันบีบจริงๆ ถ้าพูดแบบหัวใจ จริงๆ คือว่า ต้องอดทนอดกลั้น และฝ่าฝืนความรู้สึก ลองให้โอกาสโอบามาดูสักครั้งหนึ่ง เป็นยังไงครับพี่น้อง พี่น้องครับ เอกสารที่ผมจำเป็นต้องเอามาย้ำเตือน ไม่ใช่ย้ำเตือน ฯพณฯ ท่านนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียวนะครับ ย้ำ เตือนคนไทยทั้งประเทศ โดยเฉพาะย้ำเตือนพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เอกสารนี้ก็คือ คำวินิจฉัยคำพิพากษาศาลรัฐธรรมนูญยุบพรรคไทยรักไทย และไม่ยุบพรรคประชาธิปัตย์ ครึ่งหนึ่งเป็นยุบพรรคไทยรักไทย ครึ่งหนึ่งไม่ยุบพรรคประชาธิปัตย์ เหตุที่ไม่ยุบพรรคประชาธิปัตย์และยุบพรรคไทยรักไทย มีอะไรเดี๋ยวผมจะคุยต่อไป เอกสารเล่มที่ 2 สำคัญ
มากครับ เป็นคัมภีร์ที่พรรคประชาธิปัตย์เขียนขึ้นเอง เขียนในการแถลงปิดคดี ต่อสู้เพื่อไม่ให้มีการยุบพรรคประชาธิปัตย์ในรูปนี้ท่านจะเห็น ฯพณฯ รัฐมนตรี และนายกรัฐมนตรีอาวุโสของประเทศไทย คนที่อยู่ด้านมือจับของผม อดีตนายกรัฐมนตรีคนที่ซื่อสัตย์ของประเทศ ชวน หลีกภัย คนกลางไม่ใช่ว่าที่แล้ว นายกรัฐมนตรี คนที่ 27 ของประเทศไทยแล้วคนด้านนี้ อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ คุณบัญญัติ บรรทัดฐาน อดีตรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีหลายกระทรวง ทุกคนมีประสบการณ์หมด ในเอกสารทั้งหมด 142 หน้า เขาได้พูดถึงความเลวร้ายของระบอบทักษิณไว้ ที่ผมจำเป็นต้องเอามาแสดง ก็ต้องการให้เห็นว่า พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคที่ศึกษาความเลวร้ายของระบอบทักษิณละเอียดลึกซึ้งที่สุด ดังนั้นมาเป็นรัฐบาลเองต้องจัดการให้เรียบร้อยใช่ไหมครับพี่น้อง ต้องจัดการให้เรียบร้อย เพราะในเอกสารเล่มนี้เป็นเอกสารที่ผมจะลองอ่านดูซัก คำนิยมระบอบทักษิณ ในหน้า 76 ดูก็ได้ พี่น้องลองฟังดูก็ได้นะครับระบอบทักษิณ หมายถึง วิธีการดำเนินการทางการเมืองโดยการใช้เงินซื้อนักการเมือง ซื้อพรรคการเมืองก็คือพรรคเสรีธรรม พรรคชาติพัฒนา พรรคความหวังใหม่ โดยไม่คำนึงถึงความชอบธรรม พูดง่ายๆก็คือใช้เงินเป็นใหญ่ ใช้เงินทำลาย
ความชอบธรรมทั้งหมด และการบริหารประเทศที่ยึดตัวตน และยึดแนวคิดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เป็นหลัก ขาดความเคารพในเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญโดยเฉพาะหลักการของการตรวจสอบ และถ่วงดุล องค์กรอิสระและประชาชน แต่เข้าไปแทรกแซงองค์กรอิสระ สื่อมวลชน องค์กรของรัฐ แทบทุกองค์กร ประโยคต่อไปสำคัญนะครับ ที่จะเป็นกุญแจสำคัญที่ฯพณฯ ท่านนายกรัฐมนตรีคนใหม่ จะต้องคำนึง เพราะว่าหนังสือเล่มนี้ เป็นหนังสือของพรรคประชาธิปัตย์เอง โดยไม่ได้ทำเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติอย่างแท้จริง แต่ทำเพื่อประโยชน์ของตนเอง และพวกพ้อง ทำลายระบบคุณธรรม สร้างความแตกแยกของในชาติ อย่างไม่เคยพบมาก่อน และมีการทุจริตอย่างมโหฬาร นี่คือนิยามของระบอบทักษิณคำที่ ฯพณฯ ท่านนายกรัฐมนตรีคนใหม่จะไปจัดการระบอบทักษิณก็คือ ทุจริตอย่างมโหฬาร บริหารโดยใช้ระบบคุณธรรม ไม่แสวงหาผลประโยชน์ส่วนตน และพวกพ้อง โดยเฉพาะพรรคร่วมรัฐบาล เห็นไหมครับ พรรคร่วมรัฐบาลเราเห็นๆ กันอยู่นะครับ มันจะต้องมีระบบโปร่งใส ตรวจสอบได้ แล้วก็ชี้แจงให้ประชาชน แล้วก็ประชาชนเข้าตรวจสอบได้ พี่น้องครับในเอกสารเล่มนี้นี่ เป็นคำแถลงปิดคดีของเหล่านักกฎหมาย และนักวิชาการประจำของพรรคประชาธิปัตย์ และนักวิชาการอื่น ที่พรรคประชาธิปัตย์เชิญมาร่วมกันเขียนเรียงความที่ดีที่สุด 142 หน้าเนี้ย เพื่อจะบอกว่าความเลวร้ายและระบอบทักษิณมีอยู่ 6 ประการ
1. ทำลายระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เราไม่ต้องพูดรายละเอียดกัน
2. แทรกแซงองค์กรอิสระ และองค์กรของรัฐทุกองค์กร
3. แทรกแซงสื่อมวลชน
4. ทำลายระบบคุณธรรม
5. สร้างความรุนแรงแก่สังคม ก็คือ ฆ่าพี่น้องในภาคใต้ แล้วก็ยาเสพติด ฆ่าตัดตอน 2,783 ศพ แล้วก็มุ่งหา
ผลประโยชน์ของตนเองและพวกพ้อง
ผมหยิบมาซักข้อก็ได้ ที่ ฯพณฯ ท่านอภิสิทธิ์ จะถูกสังคมถามกัน แล้วผมก็มีความหวังมากก็คือ แทรกแซงสื่อมวลชนอันดับแรกพรรคประชาธิปัตย์ ต้องไปจัดการ NBT ก่อนเพื่อนเลยใช่ไหมครับพี่น้อง เพราะในช่วงเวลาที่ผมทำงานอยู่ในสภาเนี้ย เราพูดกันเรื่องการแทรกแซงสื่อมวลชน ของนายจักรภพ เพ็ญแข ที่เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และควบคุม เราต้องไปจัดการกับกรมประชาสัมพันธ์ โทรทัศน์ช่อง 11 NBT ดึงโทรทัศน์นี้ไม่ให้ไปรับใช้ระบอบทักษิณ เอามารับใช้การเคลื่อนไหว และการแสดงออกของประชาชน ซึ่งเป็นเจ้าของประเทศ และผู้เสียภาษีใช่ไหมครับพี่น้อง ผมยังจำคำพูดของ ฯพณฯ ท่านนายกรัฐมนตรี คนที่ 27 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้ดีว่า"หากได้เป็นนายกรัฐมนตรี จะให้แบ่งเวลาให้นายกฯพบประชาชน ฝ่ายค้านพบประชาชน ถ้าเป็นไปได้ ผมขอการเมืองภาคประชาชนพบประชาชนดีไหมครับ"
ถ้าทำได้อย่างนี้นี่ การเมืองจะลดการแบ่งแยกรุนแรงลง เพราะว่าคนจะเรียนรู้เท่ากันทั้งประเทศ พอคนเรียนรู้
เท่ากันทั้งประเทศเนี้ย การเลือกตั้งในสหรัฐฯก็ไม่มีปัญหาเลย เพราะคนมันเรียนรู้เท่ากัน แต่ของเราเนี้ยคนมันไม่เรียนรู้เท่ากัน มันจึงใส่เสื้อต่างสีกันใช่ครับพี่น้อง มันถึงใส่เสื้อต่างสีกัน แล้วก็ความคิดเห็นต่างกัน คนหนึ่งอหิงสา อีกคนหนึ่งนิยมความรุนแรง ผมจะบอกให้ว่า ระบอบทักษิณเนี้ย ประกาศต่อสู้กับนายกรัฐมนตรีคนใหม่อย่างยิบตาอันดับแรกเนี้ยแจกตัวหนอนที่เป็นปูนซีเมนต์ ใส่รถไปก่อนเมื่อวานนี้นะครับ แจกไปเรียบร้อยแล้ว นี่ๆลองชิมลางดูนะ ขนาดเราส่งคนมาแค่ 200‐300 คน เรายังจัดการพวกคุณอยู่มือเลย กลัวพวกเราหมดเลย แต่โทษที พวกมันหลงไปซัดพวกมันเองเท่านั้นเอง ใช่ไหมครับพี่น้อง พี่น้องครับเอกสารที่ผมยกอันนี้เป็นเล่มที่สอง ผมได้เรียนแล้วว่าสังคมไทยควรให้โอกาสพรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีคนใหม่ แต่เราต้องเอาเรื่องที่เป็นบทเรียนในสังคมมาพูดกัน เล่มที่ผ่านมาเนี้ยเป็นเรื่องของพรรคประชาธิปัตย์ศึกษาความเลวร้าย ของระบอบทักษิณและระบอบทักษิณสร้างความเสียหายให้แก่ประเทศชาติ บ้านเมืองอย่างไรนะครับ และหนังสือเล่มนี้คืออะไร คำวินิจฉัย คำพิพากษายุบพรรคไทยรักไทย มีคำที่เป็นกุญแจ คำที่มีความหมายสำคัญที่สุด 2 ประโยคเท่านั้นเอง ที่ผมขอคัดมาหน้า 105 และหน้า 106 ผมคัดมาเรียบร้อยแล้วครับ เตรียมมาจากบ้านแล้ว เขาบอกอย่างนี้ครับ พรรคไทยรักไทย หรือผู้ถูก
ร้องที่ 1 มิได้มีอุดมการณ์ทางการเมืองที่มุ่งพัฒนาประเทศชาติ ให้คนในชาติมีความสุขทั่วหน้า ดังที่ได้รณรงค์หาเสียงไว้ต่อประชาชนอย่างแท้จริง พูดง่ายๆคือหาเสียงอย่างไร มาอีกอย่างหนึ่ง แล้วก็หากแต่มุ่งประสงค์เพียงดำเนินการในทุกวิถีทาง เพื่อให้ได้มาซึ่งอำนาจในการปกครองประเทศ ทักษิณบอกว่าคนรวยไม่โกง แต่กูจะโกงให้มึงดู ใช่ไหมครับ เขาบอกว่าคนรวยไม่โกง แต่จะโกงให้ดูไง หาเสียงไว้บอกคนรวยไม่โกง เพราะฉะนั้นจึงเป็นเครื่องเตือนใจของรัฐบาลใหม่ว่า หาเสียงอะไรไว้เนี้ย เพราะว่าศาลรัฐธรรมนูญมีคำพิพากษาไว้แล้ว นี่ประโยคที่หนึ่งประโยคที่สอง เมื่อพรรคไทยรักไทยเป็นรัฐบาล มีอำนาจในการบริหารราชการแผ่นดินแล้ว พอมีอำนาจบริหารเป็นนายกแล้วเนี้ย จะดำเนินการปกครองโดยสุจริต ไม่ประพฤตมิชอบ หรือบริหารราชการแผ่นดินโดยแอบแฝงไว้ซึ่งประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้อง กับบริหารโดยทุจริต เข้าใจไหมครับ ประกาศบอกว่า จะสุจริต สุจริต ประพฤติดี เห็นแก่ประโยชน์ของประชาชน กลับทำตรงข้าม จึงเป็นอุทาหรณ์ของทุกพรรคการเมืองและรัฐบาล ว่าเข้ามาล้มหมด โดยเฉพาะถ้าเป็นรัฐบาลใหม่ การเมืองภาคประชาชนได้รับการพัฒนาแล้ว กลุ่มพันธมิตรฯ ฮึ่มๆ กันทั้งประเทศแล้ว ระยะนี้เขาหลงทางไปจัดเลี้ยงสังสรรค์กันเฉยๆ ส่วนใหญ่เขาฮึ่มๆ กันอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นการเสนอความเห็นอะไร รัฐบาลใหม่ โดยเฉพาะ
พรรคร่วมรัฐบาล โปรดอย่าดูแคลนพันธมิตรฯ เดี๋ยวก็ พูดคำก็ดอนเมือง สองคำก็สุวรรณภูมิ สามคำก็ทำเนียบ ผมไม่ใช่อะไรหรอก กลัวว่าจะเป็นรัฐมนตรีที่เนรคุณคนที่ต่อสู้เพื่อชาติบ้านเมือง ใช่ไหมครับ
ผมไม่อยากให้ดูแคลน แล้วผมอยากจะยกสิ่งที่พรรคประชาธิปัตย์เคยศึกษาเรื่องการโกงชาติบ้านเมืองของระบอบทักษิณไว้ เพราะว่ารายละเอียดต่างๆ จะมีคนที่ไปเสนอให้รัฐบาลอยู่แล้ว สหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ 43 แห่ง พี่น้องจำได้ไหม เขามาช่วยเราใช่ไหม วันนี้เขาขอเข้าพบนายกรัฐมนตรีคนใหม่เพื่อยื่นหนังสือ แสดงว่าเขามีความคาดหวังสูงไหมครับถ้าไม่มีความคาดหวังสูง 43 รัฐวิสาหกิจเขาไม่ยื่นข้อเรียกร้องเลย เขาขับไล่เลย เหมือนรัฐบาลก่อนขออนุญาตพี่น้องประชาชน อ้างอีกนิดหน่อย เพราะวันนี้ตั้งใจจะไม่มาวิจารณ์นายกรัฐมนตรีคนใหม่ แต่อยากจะให้กำลังใจ และฝากข้อคิดว่า ผมมีทั้งส่วนที่เป็นพรรคการเมือง และส่วนที่เป็นการเมืองภาคประชาชน เพราะฉะนั้นการวิจารณ์อะไรต้องระมัดระวัง ตอนนี้เราให้โอกาสแล้ว ผมจะบอกว่า ในหน้า 168 ขึ้นไป พรรคประชาธิปัตย์เคยกล่าวหาและก็พูดง่ายๆ ถล่มรัฐบาลทักษิณมาหลายเรื่อง เรื่องที่ 1. คือกระทำการไม่โปร่งใสในการประกอบธุรกิจของครอบครัวหลบเลี่ยงภาษีตลอดมา แสวงหาผลประโยชน์เพื่อส่วนตัวและครอบครัว มีผลประโยชน์ทับซ้อน เป็นการทุจริตเชิงนโยบายนี่ข้อที่หนึ่ง ข้อที่ 2. ทุจริตเครื่องตรวจจับวัตถุระเบิดซีทีเอ็กซ์ เรื่องที่สาม ที่พรรคประชาธิปัตย์หยิบขึ้นมา แสดงว่าพรรค
ประชาธิปัตย์มีข้อมูลถึงกล้าเอามาเขียนปิดคดียื่นต่อศาล ข้อที่ 3. การทุจริตจากการประมูลก่อสร้างหรือติดตั้งอุปกรณ์ต่างๆ ภายในสนามบินสุวรรณภูมิ ทั้งหมดตรวจสอบแล้วมี 13 เรื่อง แล้วเรื่องที่ 4. สั่งการให้ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้า (เอ็กซิมแบงก์) ปล่อยเงินกู้ให้กับรัฐบาลพม่า เป็นเงิน 4,000 ล้าน นี่เรื่องที่สี่ เรื่องที่ 5. น่าสนใจมากครับ เป็นการท้าทายรัฐบาลใหม่เป็นอย่างยิ่ง ทุจริตเชิงนโยบาย แปรรูปรัฐวิสาหกิจ ปตท. การปิโตรเลียมแห่งประเทศไทย ปรากฏข้อเท็จจริงว่า มีกลุ่มธุรกิจที่เป็นพวกพ้องกับรัฐบาลพรรคไทยรักไทยได้ผลประโยชน์จากการจัดสรรหุ้นเป็นจำนวนมากและผู้ได้รับผลประโยชน์จากการประกอบ ทำกำไรนับแสนล้านจากรัฐวิสาหกิจด้านพลังงานของรัฐ เพราะฉะนั้นปตท.จึงเป็นองค์กรอาชญากรรมแผ่นดิน ขณะนี้ควรจะลดน้ำมันเหลือ 12 บาท ดันอยู่ 18‐19 บาท แสดงว่ามันคอร์รัปชั่นอย่างเอิกเกริก จะบุญแก่ประเทศมาก จะสร้างคุณูปการแก่ประเทศมากหากนายกรัฐมนตรีคนใหม่ จะจัดการให้ปตท.มาเป็นของรัฐบาล ใช่ไหมครับพี่น้อง ผมไม่ใช่พูดลอยๆ เพื่อยื่นข้อเรียกร้องไม่สมเหตุสมผลนะครับ มันปรากฏอยู่ในเอกสารของพรรคประชาธิปัตย์เองที่ยื่นต่อศาลรัฐธรรมนูญ และเรื่องที่ 6. ครับ เรื่องการแก้ไขพระราชกำหนดกฎหมายโดยเร่งด่วน อนุมัติจัดเก็บภาษีสรรพสามิต กับบริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส ซึ่งเป็นบริษัทของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร พูดง่ายๆ คือว่า แทนที่จะให้สัมปทานโทรศัพท์ดาวเทียม โดยหัก 25 เปอร์เซ็นต์ของรายได้ ถ้าทำรายได้ 100 บาท หักให้รัฐ25 บาท ให้มาเสียงเพียงเล็กน้อยเลย แก้ไขเป็นภาษีจากสัมปทานมาเสียภาษีสรรพสามิต ประเทศชาติเสียหายไปหลายหมื่นล้านบาท เพราะฉะนั้นทั้ง 6 ประการนี้ เป็นเรื่องใหญ่มากครับที่สังคมจะได้รอความหวังจากรัฐบาลซึ่งศึกษาเรื่องนี้ดีที่สุด ละเอียดที่สุด
ผมเลยอยากจะเรียนว่า ในวันนี้ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ยังเป็นองค์กรที่ให้โอกาสนะครับ ให้
โอกาสในการทำงานของรัฐบาล แล้วให้โอกาสรัฐบาลนำพาคณะรัฐมนตรีของตนบริหารประเทศโดยความซื่อสัตย์สุจริตและไม่เป็นเหตุให้เกิดความสงสัยของคนในชาติ ระยะนี้พันธมิตรฯ ได้ปรึกษาหารือกันเป็นการเบื้องต้นแล้วครับ เพียงพันธมิตรฯ อยู่เฉยๆ โดยไม่เข้าไปอุ้มชูใคร รัฐบาลก็บริหารลำบากแล้ว เพราะทักษิณประกาศสู้ยิบตา และเอาตาย อันดับแรกจัดการ นปก.200 คน มาจัดการในวันเลือกตั้งก่อน พี่น้องจำได้ไหม ต่อไปความรุนแรงจะเกิดขึ้น ถึงตอนนี้ ถ้ารัฐบาลบริหารประเทศดี คำนึงถึงประโยชน์ของประชาชน ไม่แก้รัฐธรรมนูญ แล้วกวาดล้างระบอบทักษิณ พันธมิตรฯ พร้อมจับมือประสานเพื่อฟันฝ่าประเทศชาติ ใช่ไหมครับ แต่ถ้าบริหารประเทศแล้วเอาแต่กลุ่มของตน เอาแต่ผลประโยชน์ของตนตามที่ศาลรัฐธรรมนูญเคยวินิจฉัยยุบพรรคไว้แล้ว ระบอบทักษิณจะมาถล่มกันเอง พรรคการเมืองในสภาจะถล่มกันเอง ถึงวันนั้น พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จะขออนุญาตเป็นไทยมุง เป็นผู้ดูอย่างเดียวสักครั้งได้ไหมครับพี่น้อง
พี่น้องครับ ยังอยากให้ประชาชนเฝ้าติดตามก่อน การวิพากษ์วิจารณ์ตอนนี้ในเชิงลบเป็นการเร็วเกินไป เรา
จะต้องให้โอกาสชาติบ้านเมืองในการแสวงหาทางออก ความสงบ และทางออกที่ดีโดยใช้ระบบคุณธรรมบริหารประเทศเป็นสิ่งที่เรามุ่งมาศปรารถนา ไม่เพียงแต่พี่น้องประชาชนมุ่งมาศปรารถนาเท่านั้น แต่องค์กรอย่างพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ก็จะเฝ้ารอวันนั้น และจะอดทนจนถึงที่สุด แต่ถ้าอดทนไม่ได้เราก็พร้อมจะเป่านกหวีด จากมโนธรรมสำนึกทางใจออกมาใช่ไหมครับ อันนี้มันเกิดขึ้นอย่างแน่นอนเราไม่ต้องห่วง ผมขอให้กำลังใจพี่น้องประชาชนทุกท่าน ตอนนี้ก็จำลองเหตุการณ์ไปก่อน เราคงเดินขบวนอะไรไม่ได้นะในช่วงนี้ ปรบมือกันแล้วก็จัดการกันไปก่อน ในส่วนของกรณีต่างประเทศ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ก็เตรียมยกชุดใหญ่ไปที่สหรัฐอเมริกา รายละเอียดผมพบ คุณสนธิ ลิ้มทองกุล จะมาแจกแจงในโอกาสอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ แล้วในส่วนของการเดินสายต่างๆ ของเรา ผมก็เดินสายจนกระทั่งสิ้น
ปี ผมเฝ้าดูแล้ว เมื่อวานนี้ไปพูดที่เพชรบุรี เมื่อวันก่อนไปที่นครสวรรค์ มีคนฟังพอๆ กับช่วงที่เราขับไล่สมัคร และสมชายครับ แสดงว่าประชาชนยังตื่นตัวกับการเมืองภาคประชาชน การเมืองเพื่อการตรวจ การเมืองเพื่อการโค่นล้มรัฐบาลชั่ว อยู่ใช่ไหมครับพี่น้อง จิตใจนี้เรายังคงอยู่การเคลื่อนไหวของเราเป็นการเคลื่อนไหวที่มีเหตุมีผล ระยะนี้แกนนำพันธมิตรฯ ต้องตระเตรียมทำใจ เพราะถูกฟ้องหลายคดี เรียกหลายหมื่นล้าน ก็เป็นระยะพักรบ จำนวนหนึ่งก็จัดเลี้ยงกัน เฉลิมฉลองงานปีใหม่ บ้างก็บอกว่า ชนะแล้วเฉลิมฉลองชนะแล้ว ที่ภาคใต้ ที่ภาคเหนือ บ้างก็บอกว่า ยังชนะไม่สิ้น ม้วนเดียวจบยังไม่จบ เพราะม้วนนี้เป็นด้ายสายสิญจน์ มันยาวมากเพิ่งคลี่ออกมาครึ่งเดียวเท่านั้นเอง มันยาวมากมันยังไม่จบง่าย แต่เหนืออื่นใด ไม่ว่าจะจบหรือไม่
จบ แต่วิญญาณของการต่อสู้กันในเครือข่ายพันธมิตรฯ เครือข่ายพันธมิตรฯ นี่ประหลาด เป็นเครือข่ายการนับถือกันเสมือนญาติอย่างยิ่งแบบใหม่ที่ไม่เคยปรากฏมาก่อนในโลกนี้ ผมมีเพื่อนอยู่พังงา มีอยู่เชียงใหม่ พิษณุโลก ขอนแก่น แต่ผมไม่นับน้องชายผมเป็นเพื่อน เพราะน้องชายผมเป็น นปก.ครับ ผมนับถือพี่สาว ยายของผม ป้าของผม แม่ยกของผมต่างจังหวัด เป็นเครือญาติที่ผมรักอย่างยิ่ง ศรัทธาอย่างยิ่ง แต่ผมไม่นับถือน้องชายผม เพราะมันเสือกไปเป็น นปก. ก็แสดงว่า ระบบเครือญาติใหม่มันเกิดขึ้น เป็นเครือญาติอะไรครับพี่น้องประชาชนครับ เป็นเครือญาติแห่งคุณธรรม เป็นพลังทางศีลธรรมของสังคมครับ นี่คือปรากฏการณ์ที่น่าพิศวงยิ่งใหญ่ และไม่เคยปรากฏในโลกใบนี้มาก่อน ผมจึงขอสดุดีการทำหน้าที่ของวีรชน ผู้บาดเจ็บ และพี่น้องประชาชนนับล้านๆ คนโอกาสนี้เรากำลังคิดอยู่ 2 เรื่อง เรื่องที่ 1 ทำยังไงเราจะโอบอุ้มและสถาปนาให้ ถ้าพี่น้องเห็นด้วยก็ปรบมือASTV กลายเป็นทีวีของประชาชน กลายเป็นทีวีการสู้รบของประชาชน อันที่ 2 เราจะเอาเครือข่ายของเรามากกว่า 10 ล้านคน มาสร้างหน่วยเศรษฐกิจร่วมกัน สร้างกำไรร่วมกัน คืนทุนร่วมกัน คืนความรู้ร่วมกัน หากเป็นไปได้เราอาจจะรับประทานน้ำกู้ชาติ ข้าวสารกู้ชาติ นะครับพี่น้อง ทุกครั้งที่ผมแวะตามปั๊มน้ำมัน ผมกระหายน้ำ หิวน้ำว่างั้นเถอะ ผมก็ไปซื้อ เขาบอกว่า ขอน้ำพันธมิตรฯ 1 ขวด พอน้ำพันธมิตรฯ 1 ขวด วันหนึ่งคนกิน 1.5 แสนขวด กำไรขวดละ 2 บาท มัน
พอเพียงที่จะทำให้ ASTV เป็นทีวีของประชาชน พอผมพักปั๊บมาที่บ้านปั๊บ ผมก็เคี้ยวข้าวแข็งกู้ชาติอย่างอร่อย ข้าว ASTV ครับพี่น้อง นี่คือสิ่งที่ผมกำลังจะบอกพี่น้องว่า มันเกิดปรากฏการณ์ 2 อย่าง 1. สร้างระบบเครือญาติใหม่อย่างไม่เคยปรากฏมาก่อน แล้วปฏิเสธชาติพันธุ์วรรณาของตนเอง ปฏิเสธเพื่อนนักเรียนรุ่นเดียวกับผม ผมไม่ไปเลี้ยงรุ่นกับมันเลย ผมไม่ไป แล้วก็อันที่ 2. ผมสร้างหน่วยเศรษฐกิจใหม่เพื่อทำให้ ASTV และการต่อสู้ของประชาชนได้รับสถาปนาเป็นการเมืองภาคประชาชนที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
ผมขอขอบคุณกำลังใจทุกท่าน ไว้วันใกล้ๆ ปีใหม่จะมาออกอากาศแล้วก็วิเคราะห์สถานการณ์การเมือง และ
เศรษฐกิจในปีใหม่ แล้วจะมาอวยพรให้ท่านในวันนั้น วันนี้ขอบคุณพี่น้องในห้องส่งมาก มากันหลายหมื่นคนครับพี่น้องวันนี้มากันหลายหมื่นคน นะครับ ผมนับดูโอ้โหมากจริงๆ แล้วก็ขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ต้อนรับในการเดินสายของเราแทบทุกจังหวัดเลย เราจะไปทุกจังหวัดเลย ไม่เว้นแม้กระทั่ง 3 จังหวัดภาคใต้ ที่ไหนมีพันธมิตรฯ เราจะไปที่นั่นครับ ขอบพระคุณมากครับพี่น้องครับ__

“ประพันธ์”แนะงานแรกจัดการพวกหมิ่นเบื้องสูง


โดย ASTVผู้จัดการออนไลน์ 18 ธันวาคม 2551 05:35 น.

“ประพันธ์”แนะงานแรกจัดการพวกหมิ่นเบื้องสูง เตือนอย่ากลัวว่าจะถูก
กล่าวหาเป็นพวกพันธมิตรฯ ไม่เช่นนั้นอยู่เฉยๆ ดีกว่า
ประพันธ์ ‐ สวัสดีครับ พ่อแม่พี่น้อง ประชาชนที่เคารพรักทุกท่านนะครับ และก็กราบสวัสดีพ่อแม่พี่น้องประชาชนที่ชมอยู่
ทางบ้าน และก็พี่น้องประชาชนที่ชมอยู่ต่างประเทศทุกท่านนะครับ วันนี้เป็นวันแรกที่ผมได้มีโอกาสมาปราศรัยพบปะกับพี่
น้องประชาชน ในบรรยากาศที่แตกต่าง และก็เป็นบรรยากาศในห้องส่ง ซึ่งดูแล้วไม่ค่อยคุ้นเคยเลยนะครับ แม้ว่าจะมีพลัง
มือตบมาอยู่ในห้องส่ง จำลองบรรยากาศคล้ายกับที่เราชุมนุมกันมา 193 วัน แต่ก็บรรยากาศก็ยังไม่เหมือนบรรยากาศที่
ผ่านมา ผมคิดว่าบรรยากาศ 193 วัน ที่เราได้ร่วมกันต่อสู้มานั้น เป็นบรรยากาศที่ไม่ว่าใครก็ตาม ก็คงจะไม่สามารถ
จัดการแสดงให้เหมือน 193 วัน ที่เราจัดชุมนุมมาได้ เพราะนั่นคือความจริง และชีวิตจริงของพวกเราพี่น้องประชาชน
พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยครับ พี่น้องครับ พี่น้องที่เคารพรักครับ
วันนี้ผมมาพูดในบรรยากาศที่เราพึ่งจะได้รับทราบข่าวว่ามีพระบรมราชโองการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีคนใหม่
และก็คงจะเป็นความคาดหวังและก็ความชื่นชมของพี่น้องประชาชนที่อยากจะเห็นนักการเมืองคนหนุ่ม คนหนึ่งที่มีความ
มุ่งมั่นตั้งใจ ในการที่จะก้าวมาสู่ตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เป็นนักการเมืองที่ตั้งใจจะทำงานเพื่อประเทศชาติ และประชาชน
ได้ก้าวเข้าสู่บททดสอบ และบทพิสูจน์ ซึ่งผมเชื่อว่าพี่น้องประชาชนทั้งประเทศ รวมทั้งตัวผมก็ยินดีและอยากจะให้เวลากับ
ท่าน ได้พิสูจน์ความสามารถท่ามกลางสถานการณ์วิกฤตของบ้านเมือง เพราะฉะนั้นผมคิดว่าโอกาสนี้เป็นโอกาสสำคัญ
ที่สุด และเป็นโอกาสสูงสุดที่คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้รับจากประเทศและจากประชาชน ในการที่จะก้าวเข้ามาสู่ตำแหน่ง
นายกรัฐมนตรีครานี้
แต่สิ่งที่สูงสุดที่สุด สิ่งที่ยิ่งใหญ่ที่สุด ไม่ได้อยู่เพียงว่าการที่ได้เป็นนายกรัฐมนตรีเท่านั้น ผมคิดว่าสิ่งที่สำคัญ
และสิ่งที่สูงสุดที่สุด ที่คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ จะต้องพิสูจน์ให้พี่น้องประชาชนชาวไทยทั้งประเทศได้เห็น ถึงความรู้
ความสามารถและประสิทธิภาพในการทำงานของท่าน นั่นคือท่านต้องนำประเทศไทยให้ก้าวพ้นวิกฤตให้ได้ และต้องนำ
ประเทศก้าวไปสู่การเมืองใหม่ ที่ประชาชนคาดหวังให้ได้ จึงจะผ่านด่านทดสอบที่สำคัญนี้ได้นะครับ
พี่น้องที่เคารพรักครับ การที่ได้มีโอกาสเช่นนี้ของพรรคประชาธิปัตย์ และคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ผมอยากจะ
ตอกย้ำ และกล่าวต่อพี่น้องประชาชนทั้งประเทศอีกครั้งหนึ่งว่า แยกไม่ออกจากการต่อสู้อย่างเอาจริงเอาจังของพี่น้อง
พันธมิตรฯที่กล้าหาญ กล้าเสียสละ และกล้าต่อสู้กับการเมืองที่ถูกครอบงำโดยระบอบทักษิณ แยกไม่ออกจากการต่อสู้
เสียสละชีวิตเลือดเนื้อของพี่น้องประชาชนชาวพันธมิตรฯที่ได้กล้าหาญกล้าต่อสู้กับการเมืองในระบอบเก่าอย่างเอาจริงเอา
จัง เพราะฉะนั้นชีวิตของพี่น้องประชาชน 11 ศพ บาดเจ็บสาหัส 21 ราย หรือว่าบาดเจ็บอีกมากมาย พิการอีกมากมาย
นับร้อยนั้น เป็นต้นทุนที่สูงยิ่ง จะเรียกว่าก้าวขึ้นมาท่ามกลางชีวิตและเลือดเนื้อของพี่น้องประชาชนที่ได้เสียสละก็ว่าได้ ซึ่ง
ตรงนี้ผมคิดว่าต้องตอกย้ำและฝากให้พรรคประชาธิปัตย์ได้ตระหนักและสำนึกให้มากว่า สิ่งที่มีโอกาสสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้
แยกไม่ออกจากการต่อสู้ของพี่น้องพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยครับพี่น้องครับ ท่านนายกคนใหม่ คุณอภิสิทธิ์ เวช
ชาชีวะ หรือชาวพรรคประชาธิปัตย์ จะคิดอย่างไรก็ตามแต่ แต่ประวัติศาสตร์การเมืองหน้านี้ ไม่อาจที่จะมองข้ามพลังการ
ต่อสู้ของพี่น้องพันธมิตรฯ ได้ แล้วสองก็คือ พรรคประชาธิปัตย์จะปฏิเสธการที่การเมืองในระบอบทักษิณนั้น ครอบงำ
ประเทศมา 7‐8 ปี ที่ทำให้พรรคประชาธิปัตย์เป็นฝ่ายค้านมาไม่ได้โดยเด็ดขาด และพรรคประชาธิปัตย์ โดยคุณอภิสิทธิ์
เวชชาชีวะ เคยปราศรัยเรื่องนี้ที่สนามหลวง ผมจำได้ครับ เพราะผมเป็นคนเขียนเอง เพราะฉะนั้นเมื่อสักครู่นี้ที่ อ.สมเกียรติ
เอาอันนี้มา เป็นที่ ASTV พิมพ์ขาย ของผมมีต้นฉบับครับ ในการต่อสู้คดี เพื่อการต่อสู้คดีที่ศาลรัฐธรรมนูญจะยุบพรรค
ประชาธิปัตย์ ผมเป็นหนึ่งในทีมทนายความที่มีส่วนอย่างสำคัญในการเขียนคำให้การต่อสู้คดีนี้ ด้วยตัวผมเองเป็นเวลา
แรมเดือน ร่วมกับคณะทนายความอีก 10 กว่าท่าน แต่ประเด็นหลักทั้งหมดนี้ ระบอบทักษิณและข้อต่อสู้อื่นๆ 4 ประเด็น
ผมเป็นเลขาและเป็นคนรวบรวมทั้งหมด ซึ่งผมไม่เคยเปิดเผยที่ใดมาก่อน และความเป็นจริงอันนี้ และการทำงานในส่วนนี้
คุณสุเทพ เทือกสุบรรณ ท่านอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ท่านนายกฯ ชวน และผู้หลักผู้ใหญ่ในพรรค คงจะทราบดีว่า ผมประพันธ์
คูณมี ก็เป็นส่วนหนึ่งในทีมทนายที่เป็นส่วนสำคัญในการต่อสู้และเขียนคำให้การ ต่อสู่คดียุบพรรคคดีนี้ และทำให้พรรค
ประชาธิปัตย์ชนะคดีในคดีนี้มาได้ครับ
ประเด็นสำคัญก็คือว่า ทำไมผมต้องพูดเรื่องนี้ เพราะต้องการจะทวนความจำและตอกย้ำให้พรรคประชาธิปัตย์
และท่านนายกฯ อภิสิทธิ์ทราบว่า ท่านเองเคยปราศรัยและวิพากษ์การบริหารของรัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ที่เรียกว่า ระบอบ
ทักษิณ ไว้โดยชัดเจนในคำปราศรัยของท่าน เมื่อวันที่ 24 มีนาคม พ.ศ.2549 ที่สนามหลวง ในการปราศรัยใหญ่ของ
พรรคประชาธิปัตย์ และมีคำปราศรัยของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ และนายถาวร เสนเนียม รวมด้วย นายถาวร เสนเนียม
ปราศรัยที่ภาคใต้ สงขลา ในการวิพากษ์ระบอบทักษิณในทำนองเดียวกัน สาระสำคัญทั้งหมดที่เรากล่าวหาถึงระบอบ
ทักษิณนั้น เป็นไปดั่งที่ อ.สมเกียรติ ได้กล่าวไปแล้วในคำพิพากษาฉบับนี้ ซึ่งเราได้สรุปความเลวร้ายของการเมืองใน
ระบอบทักษิณนั้นไว้ชัดเจน รวมแล้ว 7‐8 ประการ 1. คือการเมืองระบอบทักษิณเป็นตัวทำลายระบอบประชาธิปไตย
อันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข 2.คือการเมืองระบบทักษิณแทรกแซงองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญตลอดระยะเวลาที่มี
อำนาจ ทำให้องค์กรอิสระไม่สามารถตรวจสอบการทุจริตคอร์รัปชั่นของนักการเมืองได้ และเป็นปฐมเหตุ เป็นต้นเหตุทำให้
ระบอบทักษิณทุจริตทำให้บ้านเมืองเสียหายถึง 1.8 แสนล้าน ตามที่ คตส.ได้ตรวจสอบ 3. คือระบอบทักษิณครอบงำ
สภาและวุฒิสภา ตลอดระยะเวลาที่ทักษิณปกครองประเทศ เขาไม่เคยไปตอบกระทู้ ตอบญัตติ ไม่เคยถูกอภิปราย เพราะ
เขาครอบงำวุฒิสภาและ ส.ส.ไว้เป็นลูกน้อง เป็นสภาทาส ทำลายหลักการระบอบประชาธิปไตย และหลักการตรวจสอบ
โดยสภา โดยสิ้นเชิง 4.คือ เขาแทรกแซงสื่อ และทุกวันนี้สื่อที่ถูกระบอบทักษิณแทรกแซงจังทำหน้าที่รับใช้ ปกป้องระบอบ
ทักษิณ และคอยบอนเซาะบอนไซรัฐบาลใหม่อยู่ทุกวัน คุณจะจัดการอย่างไร แล้วต่อมาก็คือว่า พ.ต.ท.ทักษิณ เป็น
ผู้ปกครองบริหารประเทศที่ใช้อำนาจแต่เพียงผู้เดียว และใช้อำนาจนั้นไปเพื่อประโยชน์ของกลุ่มธุรกิจตนและครอบครัว
ญาติพี่น้อง แต่งตั้งคนในวงศ์ตระกูลญาติพี่น้องตัวเองให้ก้าวหน้า ดำรงตำแหน่งในทางราชการหรือในทางการเมือง เป็นที่
ชัดเจน ประการต่อมาคือ ระบอบทักษิณเป็นต้นเหตุของความขัดแย้ง แตกแยกในสังคม ในประเทศ จนกระทั่งถึงทุกวันนี้
ข้อเท็จจริงอันนี้คือข้ออภิปราย และข้อกล่าวอ้าง และข้อโต้แย้ง ข้อต่อสู้ที่พรรคประชาธิปัตย์ใช้เป็นข้อโต้แย้งว่า
ระบอบทักษิณเลวร้ายเช่นนี้จริง การพูดทั้งหมด การปราศรัยทั้งหมด รวมทั้งปราศรัยว่าระบอบทักษิณเป็นการเมืองที่ทุจริต
คอร์รัปชั่นฉ้อราษฎร์บังหลวงมากที่สุด ก็ปรากฏอยู่ในคำต่อสู้คดีนี้ นั่นแสดงให้เห็นว่า พรรคประชาธิปัตย์ก็รู้ถึงภัยอันตราย
อันยิ่งใหญ่ของระบอบทักษิณ และยอมรับว่า ระบอบทักษิณเป็นต้นเหตุ ต้นตอของปัญหาของประเทศชาติ ทั้งหมดนี้ได้
สรุปในช่วงสุดท้ายของการต่อสู้คดีเรื่องนี้ว่า การกล่าวปราศรัยของหัวหน้าพรรค ผู้ถูกร้องที่ 1 นั่นก็หมายถึง หัวหน้าพรรค
ประชาธิปัตย์ คือคุณอภิสิทธิ์ และกรรมการบริหารพรรคประชาธิปัตย์ที่กล่าวปราศรัยเกี่ยวกับการกระทำและพฤติกรรม
ของ พ.ต.ท.ทักษิณ ตลอดระยะเวลาที่บริหารประเทศ จึงเป็นเรื่องจริงทั้งสิ้น คุณยืนยันและคุณยอมรับแล้วว่าระบอบ
ทักษิณที่คุณกล่าวประณามมาทั้งหมดนี้เป็นเรื่องจริง ปัญหาก็คือว่า วันนี้รัฐบาลประชาธิปัตย์ ท่านอภิสิทธิ์เป็นนายกฯ
แล้ว ท่านจะจัดการกับระบอบทักษิณ ที่เห็นว่าเป็นอันตรายต่อการปกครองในระบอบประชาธิปไตย และสร้างความ
เสียหายให้กับบ้านเมือง และยังทิ้งซากเดนของอำนาจไว้อยู่ในกลไก ทั้งระบอบเศรษฐกิจ ระบอบราชการ ระบอบการเมือง
อย่างไร นี่คือปัญหาที่ท้าทายรัฐบาลใหม่ และพรรคประชาธิปัตย์ วันนี้ท่านนายกฯ ได้รับตำแหน่ง ได้รับพระบรมราช
โองการโปรดเกล้าฯ ได้ให้สัมภาษณ์ไว้หลายอย่าง ผมก็เลยต้องฝากถามไปถึงท่านนายกฯ คนใหม่ว่า ท่านจะจัดการกับ
ระบอบทักษิณที่สร้างความเสียหายไว้กับบ้านเมืองอย่างไร นี่คือคำถามและโจทย์ข้อใหญ่ของนายกฯ ที่ชื่ออภิสิทธิ์ ครับพี่
น้องครับ
นอกจากโจทย์ในประเด็นข้อนี้แล้ว ต้องยอมรับว่า ในช่วงเวลาที่รัฐบาลทักษิณปกครองบ้านเมือง และต่อเนื่อง
มาจนถึงรัฐบาลสมัคร สมชายนั้น เป็นเวลาที่พรรคประชาธิปัตย์ย่อมรู้ดีว่า ตัวเองตกอยู่ในฐานะขมขื่นเพียงใด ถูกกีดกัน
เพียงใด ไม่ให้ออกสื่อ ไม่ให้พูด ถูกแทรกแซงในทางการเมืองอย่างไร ถูกเอารัดเอาเปรียบในการแข่งขันเลือกตั้ง ถูกโกงการ
เลือกตั้งมาอย่างไร ผมเข้าใจว่าท่านคงเข้าใจดีอยู่แล้ว ว่าความขมขื่นที่พรรคประชาธิปัตย์ได้รับไม่น้อยกว่าพี่น้องประชาชน
พันธมิตรฯ ที่ได้รับจากระบอบทักษิณ เลวร้ายถึงขนาดมีระเบิดยิงใส่พี่น้องผู้ชุมนุมบาดเจ็บล้มตายมากมาย นี่คือความขม
ขื่นของประเทศ และแผลร้ายจากระบอบทักษิณครับพี่น้องครับ
ปัญหาก็คือว่า ผมดีใจครับที่ท่านบอกว่า ท่านก้าวมารับตำแหน่งแล้ว สิ่งแรกที่ท่านต้องทำและเรื่องยิ่งใหญ่
ที่สุดคือเรื่องสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ ว่าท่านจะปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ และเทิดทูนไว้เหนือเกล้า ด้วยสำนึก
ในพระมหากรุณาธิคุณ ผมก็ต้องมีคำถามแทนพี่น้องประชาชนทั่วประเทศเหมือนกันว่า แล้วจะจัดการอย่างไรกับ
กระบวนการทำลายสถาบันที่ออกเผยแพร่ความคิดผ่านเว็บไซต์ และโจมตีสถาบันอย่างรุนแรง รวมทั้งเผยแพร่ทาง
หนังสือพิมพ์ Economist เร็วๆ นี้ ก็ยังดำเนินการอยู่ตลอดเวลา รวมทั้งคดีของนายจักรภพ นายวีระ และผู้ที่หมิ่นพระ
บรมเดชานุภาพ ยังไม่ถูกฟ้องจนทุกวันนี้ ท่านจะกล้าหาญและกล้าดำเนินการ หรือพูดแต่เพียงให้สวยหรูเท่านั้นครับ นี่ก็
เป็นโจทย์ ส่วนพวกเราพันธมิตรฯ หรือพวกเราที่ถูกข้อกล่าวหา รัฐบาลไม่ต้องมาช่วยพวกเรา เราพร้อมจะเดินเข้าสู่
กระบวนการยุติธรรม และพิสูจน์ความผิด ความจริงของพวกเราตามกระบวนการยุติธรรม แต่ต้องเอาไอ้พวกที่ลอยนวลอยู่
มาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมโดยเร็วครับพี่น้องครับ
ที่ผมมาพูดวันนี้ผมไม่ได้ต้องการให้รัฐบาลประชาธิปัตย์ หรือคุณอภิสิทธิ์ ไปจองล้างจองผลาญ ไม่ใช่ครับ หรือ
ไปแก้แค้นระบอบทักษิณ แต่มันเป็นสิ่งที่ท่านเคยพูดไว้แล้วว่าระบอบทักษิณมันชั่วร้ายอย่างนี้ๆ ท่านจะทำตัวของท่าน
เหมือนรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ หรือเปล่า เมื่อมีอำนาจขึ้นมาแล้วก็ประนีประนอมกับระบอบทักษิณ และกลัวว่า ถ้าจะ
ดำเนินการกับคนในระบอบทักษิณกลัวจะถูกบอกว่า เป็นพวกเดียวกับพันธมิตรฯ ผมถามว่า ถ้าการจัดการกับคนชั่วที่
ละเมิดสถาบัน จัดการกับระบอบการเมืองที่โกงบ้านกินเมือง และจัดการกับความไม่ถูกต้องตามกฎหมาย เอาคนผิดมา
เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมตามกฎหมาย ส่งเสริมข้าราชการที่ดีๆ ให้ได้เข้ารับตำแหน่งหน้าที่ ที่คืนความยุติธรรมให้กับเขา
และก็ปฏิรูปสื่อ สื่อซึ่งถูกระบอบทักษิณครอบงำ กลับคืนมาสู่ความมีอิสระเสรี ให้คนดีๆ ให้เขาได้มาจัดรายการ ท่านกลัว
ท่านจะเป็นพวกเดียวกับพันธมิตรหรือ ถ้าท่านกลัวว่าท่านจะเป็นพวกเดียวกับพันธมิตรฯ ท่านก็ควรจะอยู่เฉยๆ หรือแบบ
เดียวกับ พล.อ.สุรยุทธ์ ก็เท่ากับเป็นพวกเดียวกับระบอบทักษิณ ไม่แตกต่างกันเลย
เพราะฉะนั้นการดำเนินการในเรื่องเหล่านี้ผมคิดว่าเป็นเรื่องที่จะต้อง เป็นสิ่งที่ท่านนายกคนใหม่จะต้องมีคำตอบ
ให้กับพี่น้องประชาชน สิ่งที่ท่านต้องทำเพื่อภารกิจในการกวาดล้างการเมืองในระบอบทักษิณนั้น ไม่ใช่เป็นการทำเพื่อเอา
ใจพี่น้องพันธมิตรฯ ไม่ใช่เป็นการทำเพื่อจงเกลียดจงชังคนใส่เสื้อแดง แต่เป็นหน้าที่ที่จะต้องทำเพื่อสถาบันชาติ ศาสนา
พระมหากษัตริย์ และปกป้องผลประโยชน์ของประเทศชาติต่างหากครับ พี่น้องครับ
เพราะการเมืองโดยระบอบทักษิณนั้น เป็นการเมืองที่ทำลายบ้าน ทำลายเมือง กินบ้าน กินเมือง ทำลาย
สถาบัน ถ้าคุณไม่กล้าหาญ ไม่กล้าต่อสู้ กับสิ่งเหล่านี้ การเปลี่ยนขั้วรัฐบาลใหม่ การมีนายกคนใหม่ก็ไร้ประโยชน์สำหรับ
คนไทยทั้งประเทศครับ พี่น้องครับ หาได้เกิดประโยชน์อื่นใดเลย เป็นแต่เพียงได้ชื่อว่าได้เป็นนายกรัฐมนตรีเท่านั้น ผมคิด
ว่าไม่น่าจะเป็นความภาคภูมิใจ อย่างไรก็ตาม เมื่อท่านบอกว่า ท่านจะจัดการกับสิ่งเหล่านี้โดยจะยุติการเมืองที่ล้มเหลว
ต้องขอความอธิบายที่เป็นรูปธรรมว่า การเมืองที่ล้มเหลวคือการเมืองภายใต้ระบอบทักษิณใช่หรือไม่ แล้วถ้าใช่ก็ควรที่
จะต้องจัดการ ตามข้อต่อสู้ที่ท่านได้เคยประณามระบอบทักษิณเอาไว้ ถ้ามิเช่นนั้นแล้วก็เท่ากับละทิ้งภาระหน้าที่ แล้ว
ทรยศกับอุดมการณ์ของชาติ บ้านเมืองใช่ไหมครับ
ส่วนการที่จะแก้ไขปกป้องสถาบันพระมหากษัตริย์ ผมก็บอกไปแล้ว จะแก้ไขได้อย่างไร ถ้ายังปล่อยให้มีเว็บ
ไซด์เหล่านี้ โจมตีสถาบันพระมหากษัตริย์อยู่ ปล่อยให้คนเหล่านี้มีอำนาจ และใช้สื่อใช้วิทยุชุมชนโจมตีสถาบันอยู่ทุกวัน
ตรงนี้ท่านก็ต้องกล้าหาญเช่นเดียวกันใช่ไหมครับ พี่น้องครับ พี่น้องที่เคารพรักครับ มาวันนี้ยังไม่ได้เป็นการอภิปรายหรือ
ปราศรัยเพื่อวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล นายกอภิสิทธิ์ นะครับ แต่มาเพื่อฝากคำถามและฝากโจทย์ว่า ถ้ายังขวยเขินและเอียง
อายที่อยากจะเป็นเพื่อน เป็นมิตรกับพี่น้องพันธมิตรฯแล้ว ผมคิดว่าท่านคิดผิด ท่านควรจะต้องประเมินเสียใหม่ ว่าท่าน
จะต้องเป็นนายกอยู่ภายใต้อ้อมกอดของประชาชนประเภทไหน หรือจะอยู่ภายใต้อ้อมกอดของคนประเภทเสื้อแดงหยิบมือ
เดียว ที่มีแต่ก่อความวุ่นวายไว้กับบ้านเมืองใช่ไหมครับ
ถ้าหากว่าท่านจะบอกว่าจะนำหลักนิติธรรม หลักนิติรัฐมาใช้ จะต้องไม่มีเหตุการณ์อย่างวันที่มีการโหวตนายก
ฯที่หน้าสภา เสื้อแดงเพียง 10 คน 20 คน ก็สามารถทำลายทรัพย์สิน ทำลายชีวิตร่างกายของผู้บริสุทธิ์อย่างไม่ควรจะ
เกิดขึ้น ถ้าอย่างนั้นบ้านเมืองจะอยู่ได้อย่างไร เพราะฉะนั้นถ้าจะยึดหลักนิติธรรม หลักนิติรัฐ จะต้องไม่มีเหตุการณ์แบบนี้
เกิดขึ้น และในวันแถลงนโยบาย ยิ่งจะต้องไม่มีเรื่องอย่างนี้เกิดขึ้น ใช่ไหมครับ ถ้าหากมีเรื่องอย่างนี้เกิดขึ้น ย่อมแสดงให้
เห็นว่าข้าราชการ ตำรวจ กลไกฝ่ายปกครองวันนี้ ตกอยู่ภายใต้การครอบงำของระบอบทักษิณ ถ้าท่านไม่กล้าหาญที่จะ
โยกย้ายข้าราชการตำรวจ ข้าราชการฝ่ายปกครอง รวมทั้งคณะกรรมการ องค์การบอร์ดรัฐวิสาหกิจ บอร์ดธนาคารชาติ
บอร์ดตลาดหลักทรัพย์ ที่เป็นคนในเครือข่ายของระบอบทักษิณแล้ว ก็เปล่าประโยชน์กับการมาเป็นนายกในช่วงนี้ ครับพี่
น้องครับ
เพราะฉะนั้นทั้งหมดนี้ผมจึงอยากจะฝากไปถึงนายกคนใหม่แต่เพียงว่า วันนี้ต้องประเมินพี่น้องพันธมิตรฯ และ
บทบาทการชุมนุมการต่อสู้ของพี่น้องพันธมิตรฯเสียให้ถูกต้องว่าเป็นบทบาทอันสร้างสรรค์ เป็นบทบาทที่ควรเคารพ เป็น
บทบาทที่ควรยกย่องหรือไม่ ถ้าไม่กล้ายกย่องคนที่ออกมาต่อสู้เสียชีวิต เพื่อปกป้องประเทศชาติ ปกป้องประชาชน
ปกป้องระบอบประชาธิปไตย ปกป้องระบอบสถาบันพระมหากษัตริย์แล้ว ถ้าว่าท่านจะเป็นนายกของใครครับ
แล้วถ้าไม่ให้โอกาสคนดีๆเหล่านี้มามีส่วนร่วมในการปกครองประเทศชาติ มาบริหารบ้านเมือง ท่านจะเอาใคร
มาทำงานเพื่อประเทศชาติ บ้านเมือง หรือจะยอมอยู่ภายใต้ระบอบทักษิณเหมือนเดิมครับ พี่น้องครับ ทั้งหมดนี้เป็นโจทย์
และเป็นคำถามที่อยากจะฝากไปถึงท่านนายกฯคนใหม่ เท่านั้นเองว่า ถ้าอยากจะเป็นนายกที่อยู่ในดวงใจของพี่น้อง
ประชาชน ทั้งประเทศ ท่านไม่อาจทำให้คนทั้ง 60 กว่าล้านเนี้ย รักท่านได้หรอก แต่ท่านต้องทำให้คนอย่างน้อย ส่วนมาก
ที่สุดของประเทศนิยมชมชอบในตัวท่าน เพราะคนที่ไม่ดี ก็ยังต้องมีอยู่ในสังคมเสมอ แต่ต้องทำให้คนดี ทำให้คนส่วนใหญ่
ของประเทศชื่นชมท่าน ผมก็คิดว่าน่าจะเพียงพอแล้วครับ
แต่การจะเป็นนายกที่จะนำพาประเทศชาติ บ้านเมืองไปได้นั้น ในสถานการณ์อย่างนี้ ต้องกล้าหาญ และกล้า
หาญอย่างมีหลัก และอย่างมีคุณธรรม อย่างเคารพกฎและกติกา และกฎหมายของบ้านเมือง บนหลักการนั้นท่านทำไป
เลยครับ ถ้าพวกผมหรือพี่น้องพันธมิตรฯทำอะไรผิด ท่านไม่ต้องมาช่วย แต่ถ้าคนอื่นทำผิด ท่านอย่าปล่อยให้ลอยนวลก็
แล้วกัน และสุดท้ายที่อยากจะฝากก็คือว่า ท่านต้องยอมรับความเป็นจริงว่า 7 ปี มานี้ ที่ระบอบทักษิณปกครองบ้านเมือง
และมีรัฐบาลนั้น วันนี้เป็นวันแรกที่พวกเราพี่น้องประชาชนพันธมิตรฯได้หยุดระบอบทักษิณ และเปิดโอกาสให้ท่านเป็น
นายก วันนี้เป็นวักแรกที่ทักษิณไม่มีใครเป็นรัฐบาล ไม่มีใครเป็นตัวแทนนายกฯ เป็นนอมินีของเขาอีกต่อไป แต่ว่าทักษิณ
นั้นจะต้องหมดไปจากประเทศไทยแผ่นดินนี้ถึงจะสงบสุข บรรดาคนที่เคลื่อนไหวก่อกวนอยู่นี้เป็นเพียงส่วนน้อย ถ้าตัดท่อ
น้ำเลี้ยงจากคนที่ส่งมาจากระบอบทักษิณเสีย ก็หมดน้ำยาที่จะเคลื่อนไหว และจะเป็นคนที่ไม่ได้รับการตอบรับจากสังคม
ส่วนใหญ่ของประเทศ คนที่เคยรับใช้ระบอบทักษิณ เวลานี้อยู่ในกลไกราชการ อยู่ในรัฐวิสาหกิจ อยู่ในตลาดหลักทรัพย์
อยู่ในกองทุนอยู่ในการเงิน อยู่ในวงการต่างๆ ยังฝังตัวซ่อนตัวอยู่ เมื่อวันนี้ท่านมีโอกาสแล้ว ท่านจะเอาคนพวกนี้ออกไป
จากระบบหรือไม่ แล้วเปิดทางให้คนดีๆ เข้ามา ไม่ว่าเขาจะเป็นพันธมิตรฯ หรือไม่เป็นพันธมิตรฯ แม้กระทั่งคนเสื้อแดง
ถ้าเขาเป็นคนดีและพร้อมจะอยู่ในตำแหน่งบริหาร ต้องกล้าที่จะตั้งเขา ไม่ใช่ว่า อ๋อคนนี้เก่ง คนนี้มีความรู้
ความสามารถ แต่ร่วมชุมนุมกับพันธมิตรฯ เลยไม่กล้าให้เขามาทำงานรับใช้บ้านเมือง ถ้าคิดอย่างนั้นก็ฆ่าตัวตายตั้งแต่วัน
แล้วแล้วครับพี่น้องครับ เพราะฉะนั้นจึงหวังว่า เมื่อท่านได้มีโอกาสและได้อำนาจรัฐนี้อยู่ในมือ จงใช้อำนาจนั้นให้เป็น ใช้
อำนาจจัดการตามกฎหมายกับคนชั่ว คนผิด ให้โอกาสกับคนดีได้ทำงานให้กับบ้านเมือง และอย่าคำนึงถึงคนดีเฉพาะพวก
ตัวเอง คนดีในประเทศมีอยู่ทั่วแผ่นดิน ต้องเอาคนดีๆ มาช่วยกันทำงานให้กับบ้านเมือง จึงจะได้รับความร่วมมือและความ
สามัคคีจากคนในชาติ เพราะท่านก็พูดแล้วว่า วิกฤตครั้งนี้ใหญ่หลวงนัก ท่านคนเดียวทำไม่งานไม่ได้ และท่านภายใน
พรรคลำพังก็ทำงานไม่ได้ ต้องสอดส่ายสายตาหาคนดีๆ ทั้งแผ่นดินนี้มาร่วมกันทำงาน ไม่ว่าเขาจะใส่เสื้อสีอะไร ถ้าเขา
เป็นคนดีและพร้อมจะอยู่ในแนวทางหลักการเดียวกัน ผมคิดว่าน่าจะเป็นหลักการที่ดีที่นายกฯ พึงจะดำเนินการในขณะนี้
ครับ
พี่น้องที่เคารพรักครับ ตลอดเวลา 193 วันมา ผมปราศรัยอภิปรายเพื่อวิพากษ์ระบอบทักษิณและการบริหาร
ของรัฐบาลหุ่นเชิดที่ไม่ชอบธรรม แต่วันนี้เป็นวันแรกที่ผมอภิปรายและเสนอแนะต่อนายกฯ คนใหม่ที่ไม่ใช่ระบอบทักษิณ
ด้วยความคาดหวังว่า ท่านจะไม่ทำตัวประนีประนอมกับความชั่วร้ายในระบอบทักษิณ แต่เมื่อใดที่ท่านยอมประนีประนอม
กับระบอบทักษิณ ท่านจะสูญเสียโอกาสจากการที่จะเป็นรัฐบุรุษของประเทศโดยทันทีครับ แล้ววันนี้เป็นโอกาสดีที่สุดของ
นายกฯ อภิสิทธิ์ และพรรคประชาธิปัตย์ เพราะมีประชาชนช่วยล้มระบอบทักษิณลงไปให้ แต่ถ้าท่านลืมคุณูปการของพี่
น้องประชาชนเหล่านี้ และไม่นำเจตจำนงและเจตนารมณ์ของพวกเรา ไปแปรเป็นการปฏิบัติที่เป็นรูปธรรม เพราะคน
เหล่านี้ไม่ได้ต้องการเพียงมีรัฐบาลมาผสมกัน และได้โอกาสเป็นเสนาบดี แต่เขาต้องการเห็นบ้านเมืองเปลี่ยนไปสู่การเมือง
ใหม่ที่ดีกว่าวันนี้ ท่านต้องนำประเทศให้พ้นจากสิ่งเหล่านี้และก้าวไปสู่การเมืองใหม่ การเมืองที่โปร่งใส ที่มีหลักธรรมาภิ
บาล และมีประชาธิปไตยอย่างแท้จริง นี่คือภารกิจอันยิ่งใหญ่ที่พี่น้องพันธมิตรฯ เฝ้าจับตามองท่านอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่า
ท่านจะมองพวกเขาหรือมีท่าทีต่อพวกเขาอย่างไร แต่เขามีเกียรติและมีความยิ่งใหญ่สำหรับประเทศนี้เสมอครับ
วันนี้เขาเฝ้าดูและให้โอกาสท่าน ด้วยคาดหวังว่า ท่านจะเข้าใจความรู้สึกในใจของพวกเขาทุกคน ว่าเขาไม่ได้
ตาย เขาไม่ได้เสียชีวิต เขาไม่ได้มาชุมนุมเพื่อบาดเจ็บ พิการ เพียงเพราะให้ท่านทั้งหลายได้มานั่งตำแหน่งเสนาบดีแน่นอน
แต่เขามีความมุ่งหวังและคาดหวังจากตัวท่านมากกว่านั้น เหมือนอย่างที่ผมได้กล่าวมา ผมจึงหวังว่า เสียงของพวกเรา
และเสียงของผมจะเป็นข้อเตือนใจสำหรับการเข้าดำรงตำแหน่งนายกฯ ของท่านในวันนี้ อาจจะไม่ใช่ยาหวาน อาจจะไม่ใช่
การไปประจบสอพลอพินอบพิเทาท่าน แต่เป็นยาขมที่มาจากความปรารถนาดี และด้วยกัลยาณมิตร หวังว่าท่านคงจะรับ
ฟังและฟังเสียงของพี่น้องประชาชนที่นี่และพวกเรา ขออวยพรแล้วกันให้ท่านประสบผลสำเร็จในการจัดตั้งรัฐบาล และ
บริหารชาติบ้านเมือง แต่ขอให้เป็นความสำเร็จบนความปรารถนาและเจตจำนงของพี่น้องประชาชนที่ได้เสียสละชีวิตต่อสู้
มาร่วมกัน อย่าเป็นเพียงความสำเร็จและเจตจำนงของนักการเมืองเท่านั้นครับ ขอบคุณมากครับ__

แกนนํา"ปชป.ตราด"ออก!


วันที่ 12 ธันวาคม พ.ศ. 2551 ปีที่ 31 ฉบับที่ 11234 มติชนรายวัน
แกนนำ"ปชป.ตราด"ออก!
เผยรับไม่ได้"มาร์ค"จูบปาก"เนวิน" ลั่น60ปีไม่เคยมีปัญหา"อุดมการณ์"
นายสมเกียรติ สมรรถการ นายกสมาคมอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดตราด
และรองประธานหอการค้าจังหวัด เปิดเผยว่า ได้ส่งหนังสือลาออกจากสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์
(ปชป.) แล้ว โดยให้เหตุผลว่า รับไม่ได้ที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรค และนายสุเทพ
เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรค ดึงกลุ่มเพื่อนเนวินมาร่วมจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งไม่เหมาะสม เนื่องจาก
แนวทางการทำงานขัดแย้งทางอุดมการณ์กันมาตลอด
"ดูแล้วขัดกับความรู้สึกของสมาชิกพรรคและประชาชน ผมยอมรับไม่ได้จริงๆ เพราะกว่า 60 ปี
ไม่เคยมีปัญหาด้านอุดมการณ์เช่นนี้ ยิ่งไปรับเงื่อนไขยิ่งเป็นห่วงผูกคอให้พรรคทำงานด้วยความ
อึดอัด" นายสมเกียรติกล่าว และว่า แม้พรรคตั้งรัฐบาลไม่ได้ก็ไม่ต้องจัดตั้ง ประชาชนคงไม่ว่า
อะไร
นายรังสรรค์ ดีณรงค์ สมาชิกสภาองค์การบริหารส่วนจังหวัด (ส.อบจ.) อุตรดิตถ์ เขต 1 อ.ลับแล
กล่าวว่า การตั้งรัฐบาลใหม่ควรปล่อยให้เป็นหน้าที่ของหัวหน้าพรรคและ ส.ส.จากพรรคการเมือง
ที่ไม่ถูกตัดสิทธิ แต่กลับมีนักการเมืองที่ถูกตัดสิทธิ 5 ปี ร่วมเป็นผู้จัดการรัฐบาลใหม่ จึงอยากให้
องค์กรที่ดูแลนักการเมืองที่ถูกตัดสิทธิใช้กฎหมายอย่างเด็ดขาด เพราะยิ่งปล่อยให้วุ่นวายมาก
เท่าไหร่ ยิ่งทำให้กฎหมายไม่ศักดิ์สิทธิ์เท่านั้น
นายโสภณ นาขวัญ แกนนำภาคประชาสังคม จ.ประจวบคีรีขันธ์ กล่าวว่า ถือเป็นเรื่องแปลก
ประหลาด ต้องยอมรับว่าประชาชนที่เคลื่อนไหวกับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยได้รับ
บทเรียนราคาแพงจากนักการเมืองระดับชาติที่เปลี่ยนแปลงได้เกินความคาดหมาย ทั้งที่ก่อน
หน้าประชาธิปัตย์เรียกร้องให้ยุบสภา แต่วันนี้กลับเดินหน้าตั้งรัฐบาล โดยอ้างว่าแก้วิกฤตชาติ
ต่อไปประชาชนคงต้องคิดมากขึ้นหากจะเคลื่อนไหวกับฝ่ายใด เพราะนักการเมืองไทยมีปัญหา
จริยธรรมและความรับผิดชอบ
http://www.matichon.co.th/matichon/view_news.php?newsid=01pro01121251&sectionid=0112&day=2008-12-12

“วิน-มาร์ค” แฝด “อิน-จัน”


รัก
“วิน-มาร์ค” แฝด “อิน-จัน”
โปรดสนับสนุน
ม.ร.ว. สุขุมพันธ์ เป็นผู้ว่าฯ กทม.